โดเมนเนม (Domain name) คืออะไร?

โดเมนเนม คือ ชื่อเรียกแทนที่อยู่ของเว็บไซต์!

โดเมนเนม (Domain name) คือชื่อเรียกแทน IP Address ที่ยากต่อการจดจำ ใช้สำหรับการสร้างชื่อแบรนด์ ให้จดจำง่าย คุณสามารถเช็คชื่อโดเมนว่าง

ทำไมต้องจดโดเมนเนมกับเรา!!

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

จด/ต่ออายุ/ย้ายโดเมนนเนม

บริการรับจดโดเมนเนม/ต่ออายุ/ย้ายโดเมนเนม ไม่ว่าจะเป็น .com .net .org .co.th .go.th

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Authen Code

กรณีลูกค้าต้องการย้ายโดเมนเนม ทางร้านมี Authen code สำหรับใช้ในการย้ายให้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ทีมช่วยเหลือ 24/7

ทีมที่ปรึกษาการจดโดเมนเนม/ต่ออายุ หรือย้ายโดเมนเนม โดยสามารถปรึกษาได้ฟรี!

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โดเมนเนมประเภท gTLDs

เป็นโดเมนที่ไม่ได้เจาะจง ประกอบไปด้วย .com, .net, .org 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โดเมนเนมประเภท ccTLDs

Country Code Top-Level Domains (ccTLDs) ประกอบด้วย .th (ประเทศไทย), .uk (สหราชอาณาจักร), .jp (ญี่ปุ่น) เป็นต้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โดเมนเนมที่ให้บริการ

การเลือกประเภทโดเมนเนมที่เหมาะสมกับธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้ผู้ใช้งานสามารถจดจำได้ง่ายขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

การจดโดเมนเนมสากล เช่น .com, .net, และ .org โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารพิเศษ เพียงแค่คุณต้องมีข้อมูลพื้นฐานในการลงทะเบียน เช่น ชื่อผู้จดทะเบียน, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลที่ติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม การลงทะเบียนอาจมีข้อกำหนดแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการโดเมนแต่ละราย

นี่คือขั้นตอนทั่วไปในการจดโดเมนเนม:

1. เลือกผู้ให้บริการโดเมนเนม: เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบราคาการจดโดเมนเนม
2. ค้นหาชื่อโดเมน: ตรวจสอบว่าชื่อโดเมนที่คุณต้องการใช้ยังว่างอยู่
3. กรอกข้อมูลส่วนตัว: กรอกข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็น เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล
4. ชำระเงิน: ชำระเงินตามที่ผู้ให้บริการกำหนด

แม้ว่าการจดโดเมนทั่วไปจะไม่ต้องใช้เอกสารพิเศษ แต่บางครั้งอาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมในกรณีที่โดเมนที่จดเป็นชื่อทางการค้า หรือมีข้อพิพาทเกี่ยวกับชื่อโดเมน ในกรณีเหล่านี้อาจจำเป็นต้องมีเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสิทธิ์ในการใช้ชื่อโดเมนดังกล่าว.

ถ้าคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจดโดเมนเนม, คุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการโดเมนเนมที่คุณเลือกใช้บริการ.

การต่ออายุโดเมนเนมล่วงหน้าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันไม่ให้โดเมนหมดอายุและสูญหาย โดยทั่วไปแล้ว การต่ออายุโดเมนเนมล่วงหน้าประมาณ 30 วันก่อนวันหมดอายุถือเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น การลืมต่ออายุ หรือปัญหาทางเทคนิคที่อาจทำให้ต่ออายุไม่ทันเวลา

อย่างไรก็ตาม หลายผู้ให้บริการโดเมนเนมอนุญาตให้ต่ออายุล่วงหน้าได้หลายเดือน หรือแม้แต่หลายปีล่วงหน้า ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้มั่นใจว่าโดเมนของคุณจะไม่หมดอายุโดยไม่ได้ตั้งใจ

สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ตรวจสอบกับผู้ให้บริการโดเมนของคุณว่ามีนโยบายการต่ออายุล่วงหน้าอย่างไร
  • ใช้บริการแจ้งเตือนวันหมดอายุที่ผู้ให้บริการมักจะมีให้
  • พิจารณาต่ออายุโดเมนเป็นระยะเวลานานขึ้น เช่น 2-5 ปี หากเป็นไปได้

การต่ออายุโดเมนเนมล่วงหน้าจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะไม่หยุดทำงานและจะไม่สูญเสียชื่อโดเมนที่สำคัญ.

หลังจากโดเมนเนมหมดอายุแล้ว โดยทั่วไปยังสามารถต่ออายุได้ แต่อยู่ในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ๆ ได้แก่:

1. Grace Period (ช่วงเวลาผ่อนผัน): ช่วงเวลานี้มักจะอยู่ที่ประมาณ 30-45 วันหลังจากโดเมนหมดอายุ 

2. Redemption Period (ช่วงเวลาชดใช้): หากไม่ได้ต่ออายุในช่วง Grace Period โดเมนจะเข้าสู่ช่วง Redemption Period ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 30 วัน ในช่วงนี้ผู้ถือโดเมนยังสามารถต่ออายุได้ แต่จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติมที่ค่อนข้างสูง

3. Pending Delete: หากยังไม่ได้ต่ออายุในช่วง Redemption Period โดเมนจะเข้าสู่สถานะ Pending Delete ซึ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 5 วัน ในช่วงนี้ไม่สามารถต่ออายุโดเมนได้อีกแล้ว และหลังจากช่วงนี้โดเมนจะถูกลบออกและสามารถจดทะเบียนใหม่โดยคนอื่นได้

ดังนั้น การต่ออายุโดเมนหลังจากหมดอายุยังคงเป็นไปได้ในช่วงเวลาที่กำหนดข้างต้น แต่ควรดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับเพิ่มเติมและการสูญเสียโดเมนไปยังผู้อื่น

การจดโดเมนเนมที่ลงท้ายด้วย .th (เช่น .co.th, .ac.th, .in.th) ในประเทศไทยจำเป็นต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตนหรือสถานะของผู้จดทะเบียน เนื่องจากเหตุผลต่างๆ ดังนี้:

1. การยืนยันตัวตน: เพื่อป้องกันการแอบอ้างสิทธิ์และการใช้งานโดเมนที่ไม่ถูกต้อง ผู้จดโดเมนจะต้องยืนยันตัวตนผ่านเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบทะเบียนการค้า, หนังสือรับรองบริษัท, หรือบัตรประชาชน

2. การตรวจสอบสิทธิ์: สำหรับโดเมนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรหรือหน่วยงาน (เช่น .co.th สำหรับบริษัท, .ac.th สำหรับสถาบันการศึกษา) การยืนยันสิทธิ์ในการจดโดเมนมีความสำคัญ เนื่องจากต้องการให้แน่ใจว่าผู้จดมีสิทธิ์ในการใช้ชื่อโดเมนนั้นจริงๆ

3. การป้องกันการขัดแย้งทางการค้า: การใช้ชื่อโดเมนที่ลงท้ายด้วย .th มีการควบคุมเพื่อป้องกันการขัดแย้งทางการค้า เช่น การใช้ชื่อโดเมนที่ตรงกับชื่อแบรนด์หรือเครื่องหมายการค้า เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ์และการใช้ชื่อโดเมนในทางที่ไม่เหมาะสม

4. การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย: การจดโดเมนที่ลงท้ายด้วย .th มีการควบคุมโดยหน่วยงานในประเทศ เช่น THNIC (Thai Network Information Center) ที่มีข้อกำหนดและเงื่อนไขในการจดทะเบียนโดเมน เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้โดเมนเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของประเทศไทย

การใช้เอกสารในการจดโดเมนเนม .th จึงเป็นการสร้างความมั่นใจในความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของผู้ใช้งาน รวมถึงการป้องกันการละเมิดสิทธิ์และการใช้งานที่ไม่เหมาะสม.

การย้ายโดเมนเนมจากผู้ให้บริการหนึ่งไปยังอีกผู้ให้บริการหนึ่งเป็นขั้นตอนที่ไม่ยาก แต่ต้องทำตามขั้นตอนบางประการเพื่อให้การย้ายเป็นไปอย่างราบรื่น นี่คือขั้นตอนพื้นฐานในการย้ายโดเมนเนม:

ขั้นตอนในการย้ายโดเมนเนม

1. ตรวจสอบความพร้อมของโดเมนเนม

2. รับ EPP Code (หรือ Authorization Code)

3. ปลดล็อกโดเมนเนม (Unlock Domain)

4. เตรียมข้อมูลสำคัญ

5. เริ่มกระบวนการย้ายโดเมนเนม

6. ยืนยันการย้ายโดเมนเนม

7. รอการย้ายโดเมนเนมเสร็จสิ้น

ข้อควรระวัง

– ตรวจสอบว่าวันหมดอายุของโดเมนเนมยังไม่ใกล้เข้ามา หากใกล้หมดอายุ ควรต่ออายุโดเมนเนมก่อนการย้าย
– หากมีการใช้อีเมลที่ผูกกับโดเมนเนม ควรเตรียมแผนการสำรองข้อมูลอีเมลและการตั้งค่าใหม่หลังจากการย้ายเสร็จสิ้น

การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้การย้ายโดเมนเนมของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหา.

คุณสามารถปิดรายละเอียดของผู้จดโดเมนเนมได้โดยการใช้บริการที่เรียกว่า “WHOIS Privacy Protection” หรือ “Domain Privacy Protection” ซึ่งบริการนี้จะช่วยซ่อนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากการแสดงในฐานข้อมูล WHOIS สาธารณะ

ขั้นตอนการเปิดใช้ WHOIS Privacy Protection

1. ตรวจสอบบริการที่ผู้ให้บริการโดเมนเนมมีหรือไม่

2. สมัครใช้บริการ: หากมีบริการนี้ คุณสามารถสมัครใช้บริการได้ โดยจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมต่อปี ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้จะต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ

3. การตั้งค่า: เมื่อคุณสมัครใช้บริการ WHOIS Privacy Protection ข้อมูลส่วนตัวของคุณ จะถูกซ่อนจากการแสดงในฐานข้อมูล WHOIS สาธารณะ โดยจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลของผู้ให้บริการ

คุณสามารถติดต่อผู้ให้บริการโดเมนเนมของคุณเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบริการ WHOIS Privacy Protection และวิธีการเปิดใช้งานสำหรับโดเมนของคุณ